วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขอเชิญเที่ยวงานประจำปี พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี ๒๕๕๗ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)










ขอเชิญเพื่อนสมาชิกชมรมศิษย์โกมารภัจจ์ทุกท่าน เที่ยวงานประจำปี พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี ๒๕๕๕ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม – ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เรามาดูประวัติประเพณีที่สำคัญนี้กันก่อนนะคะ เพื่อประดับความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะ การเฉลิมฉลองพระบรมสารีริกธาตุ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณนั้น มีพิธีสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ พิธีห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์ ซึ่งจะมีขึ้นก่อนวันงาน ๓ วัน ประชาชนได้ร่วมกันจารึกชื่อของตนเอง ตลอดบุตรหลานและญาติมิตรบนผ้าแดง แล้วอัญเชิญขึ้นห่มองค์พระเจดีย์ พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ เป็นพิธีที่ชาวพระนครให้ความสำคัญมาก เพราะเชื่อว่าอานุภาพแห่งการบูชาพระเจดีย์ที่พระบรมสารีริกธาตุ จะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต แคล้วคลาด ปลอดภัย อันตรายนานาประการ อันตรธานไปสิ้น เป็นความเชื่อที่สืบมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งปรากฏความว่า คราวหนึ่งหลังสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๓ พรรษา เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายแก่ชาวเมืองเวสาลี ผู้คนประสบภัยพิบัตินานาประการ เกิดโจรผู้ร้ายเข่นฆ่าชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่สมณะพราหมณ์ ผู้ทรงศีล ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อพระพุทธองค์เสด็จฯ ไปเท่านั้น ความทุกข์ความเดือดร้อนวุ่นวายก็พลันหายไป เป็นที่น่าอัศจรรย์ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ความน่าอัศจรรย์ แต่เป็นเพราะอานุภาพแห่งบุญบารมีที่พระองค์เคยเอาผ้าประดับบูชาพระเจดีย์ในอดีตชาติ” พิธีห่มผ้าแดงได้จัดให้มีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ อลังการตามแบบอย่างประเพณีโบราณ เริ่มจากขบวนผู้แต่งกายด้วยชุดเทวดา สมณะชีพราหมณ์ ผู้ทรงศีล และตามด้วยประชาชนในชุดไทยโบราณ ผ้าแดงที่ผูกติดกันเป็นสายยาวหลาย ๑๐ เมตร ให้คนจับเป็นแนวยาวเดินวนขวาไปรอบองค์พระเจดีย์นี้ เปรียบเสมือนการได้ถวายจีวรแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง สีแดงเป็นสีแห่งมงคลเป็นสีแห่งการเจริญรุ่งเรืองของชีวิต การเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ที่นี้เปรียบเสมือนผลานิสงส์ บันดลความร่มเย็นเป็นสุขแก่ตนเอง ครอบครัว ตลอดจนประเทศชาติ สถานที่สำคัญในวัดสระเกศที่ท่านจะได้เห็นนั้น มีพระอุโบสถซึ่งมีพระระเบียง โดยรอบทั้ง ๔ ทิศ ซึ่งเป็นเครื่องกั้นพุทธสถานสำคัญ สร้างตามคตินิยมตามแบบขอม คติการสร้างพระระเบียงของไทยนั้น สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวิเคราะห์ว่าแต่เดิมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่พักของพุทธบริษัทที่เดินทางมาจากที่ไกล ๆ ได้พักผ่อน และควรมาสักการะขอพรจากองค์ “พระอัฏฐารส” ที่เป็นศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุ ๗๐๐ ปี เป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพฯ มีความสูงถึง ๕ วา ๑ ศอก ๑๐ นิ้ว (๒๑ ศอก ๑ นิ้ว) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ โดยไม่มีการเชื่อมต่อ นับว่าเป็นการหล่อ พระพุทธรูปด้วยโลหะที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชนชาติไทย และที่ขาดไม่ได้ต้องขึ้นไปบนพระบรมบรรพตเพื่อสักการะ “พระสารีริกธาตุ” ของพระพุทธเจ้าฯ ที่บรรจุอยู่ในผอบโบราณ ถูกค้นพบที่กรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้ทูลเกล้าถวายแด่รัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ (ร.ศ.๑๑๗) มีร้านค้าจำหน่ายสินค้ามากมายบริเวณโดยรอบพระบรมบรรพต ถ้าหากชอบบรรยากาศงานวัดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อาทิเช่น ชิงช้าสวรรค์ บ้านผีสิง สาวน้อยตกน้ำ ยิงธนู ขนมเบื้องญวนโบราณ ม้าหมุน ข้าวเกรียบว่าว ขนมสาลี่สุพรรณบุรี ขนมหม้อแกง ข้าวหลาม ขนมลา ก็พลาดไม่ได้เลยนะคะ แล้วพบกันในงานค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น