วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เว็บไซต์ใหม่ ชมรมศิษย์โกมารภัจจ์

หากต้องการสั่งซื้อสินค้า กรุณาเข้า http://www.sitgomaraphat.com/ ค่ะ


ขอบคุณค่ะ

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขอเชิญเที่ยวงานประจำปี พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี ๒๕๕๗ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)










ขอเชิญเพื่อนสมาชิกชมรมศิษย์โกมารภัจจ์ทุกท่าน เที่ยวงานประจำปี พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี ๒๕๕๕ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม – ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เรามาดูประวัติประเพณีที่สำคัญนี้กันก่อนนะคะ เพื่อประดับความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะ การเฉลิมฉลองพระบรมสารีริกธาตุ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณนั้น มีพิธีสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ พิธีห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์ ซึ่งจะมีขึ้นก่อนวันงาน ๓ วัน ประชาชนได้ร่วมกันจารึกชื่อของตนเอง ตลอดบุตรหลานและญาติมิตรบนผ้าแดง แล้วอัญเชิญขึ้นห่มองค์พระเจดีย์ พิธีห่มผ้าแดงในงานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ เป็นพิธีที่ชาวพระนครให้ความสำคัญมาก เพราะเชื่อว่าอานุภาพแห่งการบูชาพระเจดีย์ที่พระบรมสารีริกธาตุ จะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต แคล้วคลาด ปลอดภัย อันตรายนานาประการ อันตรธานไปสิ้น เป็นความเชื่อที่สืบมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งปรากฏความว่า คราวหนึ่งหลังสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๓ พรรษา เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายแก่ชาวเมืองเวสาลี ผู้คนประสบภัยพิบัตินานาประการ เกิดโจรผู้ร้ายเข่นฆ่าชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่สมณะพราหมณ์ ผู้ทรงศีล ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อพระพุทธองค์เสด็จฯ ไปเท่านั้น ความทุกข์ความเดือดร้อนวุ่นวายก็พลันหายไป เป็นที่น่าอัศจรรย์ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ความน่าอัศจรรย์ แต่เป็นเพราะอานุภาพแห่งบุญบารมีที่พระองค์เคยเอาผ้าประดับบูชาพระเจดีย์ในอดีตชาติ” พิธีห่มผ้าแดงได้จัดให้มีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ อลังการตามแบบอย่างประเพณีโบราณ เริ่มจากขบวนผู้แต่งกายด้วยชุดเทวดา สมณะชีพราหมณ์ ผู้ทรงศีล และตามด้วยประชาชนในชุดไทยโบราณ ผ้าแดงที่ผูกติดกันเป็นสายยาวหลาย ๑๐ เมตร ให้คนจับเป็นแนวยาวเดินวนขวาไปรอบองค์พระเจดีย์นี้ เปรียบเสมือนการได้ถวายจีวรแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง สีแดงเป็นสีแห่งมงคลเป็นสีแห่งการเจริญรุ่งเรืองของชีวิต การเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ที่นี้เปรียบเสมือนผลานิสงส์ บันดลความร่มเย็นเป็นสุขแก่ตนเอง ครอบครัว ตลอดจนประเทศชาติ สถานที่สำคัญในวัดสระเกศที่ท่านจะได้เห็นนั้น มีพระอุโบสถซึ่งมีพระระเบียง โดยรอบทั้ง ๔ ทิศ ซึ่งเป็นเครื่องกั้นพุทธสถานสำคัญ สร้างตามคตินิยมตามแบบขอม คติการสร้างพระระเบียงของไทยนั้น สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวิเคราะห์ว่าแต่เดิมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่พักของพุทธบริษัทที่เดินทางมาจากที่ไกล ๆ ได้พักผ่อน และควรมาสักการะขอพรจากองค์ “พระอัฏฐารส” ที่เป็นศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุ ๗๐๐ ปี เป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพฯ มีความสูงถึง ๕ วา ๑ ศอก ๑๐ นิ้ว (๒๑ ศอก ๑ นิ้ว) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ โดยไม่มีการเชื่อมต่อ นับว่าเป็นการหล่อ พระพุทธรูปด้วยโลหะที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชนชาติไทย และที่ขาดไม่ได้ต้องขึ้นไปบนพระบรมบรรพตเพื่อสักการะ “พระสารีริกธาตุ” ของพระพุทธเจ้าฯ ที่บรรจุอยู่ในผอบโบราณ ถูกค้นพบที่กรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้ทูลเกล้าถวายแด่รัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ (ร.ศ.๑๑๗) มีร้านค้าจำหน่ายสินค้ามากมายบริเวณโดยรอบพระบรมบรรพต ถ้าหากชอบบรรยากาศงานวัดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อาทิเช่น ชิงช้าสวรรค์ บ้านผีสิง สาวน้อยตกน้ำ ยิงธนู ขนมเบื้องญวนโบราณ ม้าหมุน ข้าวเกรียบว่าว ขนมสาลี่สุพรรณบุรี ขนมหม้อแกง ข้าวหลาม ขนมลา ก็พลาดไม่ได้เลยนะคะ แล้วพบกันในงานค่ะ

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พบกับชมรมศิษย์โกมารภัจจ์ อิมพิเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5

สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกชมรมศิษย์โกมารภัจจ์ทุกท่านค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้อัพเดตข่าวสารกับเพื่อนสมาชิกเลย เนื่องจากเกิดความผิดพลาดในการใส่รหัสของบล็อกค่ะ จึงไม่สามารถประชาสัมพันธ์ข่าวสารได้ แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเรียบร้อยแล้วค่ะ   ตอนนี้เพื่อนสมาชิกสามารถซื้อสินค้าปลอดสารพิษของเราได้เช่นเคย ณ อิมพิเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 ด้านข้างลิฟต์แก้วนะคะ   มีผลไม้ตามฤดูกาลมาจำหน่ายด้วยนะคะ  ซึ่งในสัปดาห์นี้ มีผลไม้ลูกหว้า มีสรรพคุณที่น่าสนใจมากมายเลยคะ 
ลูกหว้า

มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jambolan plum, Java plum, Jambul
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syzygium cumini (L.) Skeels.
หว้าจัดเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในประเทศบังคลาเทศ อินเดีย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย แต่สำหรับในประเทศไทยเรานั้นต้นหว้าเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานและเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบุรี และยังถือว่าต้นหว้าเป็นไม้มงคลในเรื่องของความสำเร็จและชัยชนะอีกด้วย
ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าผลไม้ชนิดนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะลูกหว้านั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่างวิตามินซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ โดยนิยมนำผลสุกมารับประทานเป็นผลไม้ (ผลสุกจะลักษณะสีม่วงและดำ มีรสออกเปรี้ยวอมหวาน และอมฝาด)และใช้ทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
นอกจากนี้ลูกหว้ายังมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาโรคและอาการต่างๆอีกด้วย ด้วยการนำใบและเปลือกของต้นหว้ามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยจะมีสรรพคุณที่ค่อนข้างหลากหลายเช่น ช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดการจับตัวของลิ่มเลือด มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านโรคมะเร็ง เป็นต้น

ประโยชน์ของลูกหว้า
1.ประโยชน์ลูกหว้า ลูกหว้าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน (ผลดิบ)
2.สรรพคุณลูกหว้า ผลดิบช่วยแก้อาการท้องเสียได้ (ผลดิบ)
3.สรรพคุณของลูกหว้าผลสุกรับประทานแก้อาการท้องร่วงและอาการบิด (ผลสุก)
4.ใช้รักษาอาการบิด มูกเลือด ท้องเสีย (ใบและเมล็ดหว้า)
5.นำมาใช้ทำเป็นยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย แก้คอเปื่อย เป็นเม็ดตามลิ้นและคอ (เปลือกและใบหว้า)
6.แก้อาการน้ำลายเหนียวข้น (เปลือกและใบหว้า)
7.ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบและเมล็ดหว้านำมาต้มหรือบดให้ละเอียด แล้วนำมารับประทานเพื่อรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
8.ลูกหว้าสรรพคุณ ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลล์ได้ (ผล)
9.ช่วยบรรเทาอาการของวัณโรค และโรคปอดได้ด้วยการนำผลหว้าไปตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดรับประทานเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น (ผล)
10.ช่วยรักษาโรคหอบหืดที่เกิดจากการแพ้อากาศ ด้วยการนำผลหว้าสดมาต้มกับน้ำแล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการ (ผลสด)
11.ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองได้ (ผล)
12.มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง (น้ำมันหอมระเหย)
13.ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการเพิ่มการหลั่งน้ำดี และน้ำย่อยต่างๆ (น้ำมันหอมระเหย)
14.ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (น้ำมันหอมระเหย)
15.ช่วยยับยั้งเชื้ออี.โคไล (Escherichia coli) ในช่องทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยๆ หรืออุจจาระเหลวเป็นน้ำ
16.ช่วยลดการจับตัวของลิ่มเลือด (น้ำมันหอมระเหย)
17.มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (น้ำมันหอมระเหย)
18.ใบและเมล็ดหว้านำมาตำให้แหลกแล้วใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
19.ใบและเมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มกับน้ำตาล แล้วนำน้ำที่ได้มาล้างแผลเน่าเปื่อยได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
20.น้ำจากลูกหว้าถือเป็น 1 ใน 8 ของน้ำปานะที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาติแก่พระภิกษุ
21.ยอดอ่อนของหว้าสามารถนำมารับประทานเป็นผักสดได้ (ยอดอ่อน)
22.ประโยชน์ของลูกหว้า ผลสุกฃานิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้ และใช้ทำเป็นเครื่องดื่มหรือไวน์ได้ (ผลสุก)
23.เนื้อไม้ของต้นหว้า สามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนได้อีกด้วย (ต้นหว้า)
คุณค่าทางโภชนาการของลูกหว้าดิบต่อ 100 กรัม
พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 14 กรัม
เส้นใย 0.6 กรัม
ไขมัน 0.23 กรัม
โปรตีน 0.995 กรัม
วิตามินบี1 0.019 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี2 0.009 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี3 0.245 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี6 0.038 มิลลิกรัม 3%
วิตามินซี 11.85 มิลลิกรัม 14%
ธาตุแคลเซียม 11.65 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 1.41 มิลลิกรัม 11%
ธาตุแมกนีเซียม 35 มิลลิกรัม 10%
ธาตุฟอสฟอรัส 15.6 มิลลิกรัม 2%
ธาตุโพแทสเซียม 55 มิลลิกรัม 1%
ธาตุโซเดียม 26.2 มิลลิกรัม 2%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)




เป็นยังไงกันบ้างคะ คุณประโยชน์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้  ขอขอบคุณบทความดี ๆ จากเว็บไซต์สมุนไพรดอทคอม   แล้วพบกันใหม่นะคะ  สวัสดีค่ะ

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอเชิญเที่ยวชมงาน เพื่อนพึ่ง (ภา) ปี 2556 ม.เกษตรบางเขน 21-30 มิถุนายน 2556






         ขอเชิญเพื่อนสมาชิกชมรมศิษย์โกมารภัจจ์ทุกท่าน เที่ยวชมงานของ  มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะจัดงาน เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เกษตรแฟร์ประจำปี 2556 ในระหว่างวันที่ 21-30 มิถุนายน 2556 เวลา 10.00 – 22.00 น.  โดยบูธของชมรมฯ จะอยู่บริเวณหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค่ะ
        โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่กิจกรรมผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ และผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ผู้ประสบภัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ ให้ประชาชนได้ทราบ รวมทั้งเป็นการหารายได้สมทบเข้ามูลนิธิอาสา เพื่อน พึ่ง (ภาฯ) ณ บริเวณหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบ
     การจัดงานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เกษตรแฟร์  ปี 2556 ในครั้งนี้ภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ  สินค้าทางการเกษตรทั้งอุปโภคและบริโภค ต้นไม้ ดอกไม้ งานฝีมือ อาหารคาวหวานพื้นเมือง อุปกรณ์การเกษตร การจัดตลาดน้ำโดยมีตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงเข้ามาจำหน่ายสินค้าและอาหาร ให้บรรยากาศเหมือนกับได้ไปตลาดน้ำนั้นจริง มีการจัดสวนสนุกที่รวบรวมเครื่องเล่นไว้หลายชนิดเพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเที่ยวชมงาน ซึ่งการจัดงานขึ้นในครั้งนี้ รายได้จะนำเข้าสมทบมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย
 โซนตลาดนัดเป็น 10 โซน  ดังต่อไปนี้
     โซน A สวนสัตว์เลี้ยงเคียงน้ำ บริเวณทางเข้าประตูงามวงศ์วาน 1 ถึงบริเวณทางเข้าสามบูรพาจารย์ มีจำนวน 36 ล็อค จำหน่ายสัตว์เลี้ยง อาทิสุนัข แมว ปลาสวยงาม ฯลฯ อาหารสัตว์ และอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
     โซน B ทรัพย์ในดินสินในน้ำ บริเวณทางเข้าสามบูรพาจารย์ ถึงแยกข้างศาลาหกเหลี่ยม มีจำนวน 102 ล็อค พันธุ์ไม้ กล้าไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ผล พืชผักสวนครัว ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือการเกษตร
     โซน C มีน้ำมีนวล บริเวณทางเท้าฝั่งศาลาหกเหลี่ยม จำนวน 37 ล็อค จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลผลิตที่เป็นสมุนไพร เช่น พืชสมุนไพร ผลไม้เพื่อสุขภาพ ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ อโรมาเธอราปี ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์นวด อบ ประคบ น้ำส้มควันไม้ ฯลฯ สปาและนวดแผนไทย
     โซน D เพชรน้ำหนึ่ง  บริเวณทางเข้าหอประชุมใหญ่ จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ผลิตภัณฑ์  ชุมชน ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้าน ผลิตภัณฑ์ SME และผลิตภัณฑ์ ผลผลิต ดี เด่นดังของแต่ละจังหวัด เช่น ที่นอน หมอนขิดยโสธร รองเท้าหนัง รองเท้าเชือกสาน เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องประดับเงิน สิ่งประดิษฐ์จากไม้ ของขวัญของแต่งบ้าน ข้าวซอยตัด อาหารเหนือ น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว หมูย่าง ลูกชิ้นปลาเยาวราช ผลไม้แปรรูป น้ำองุ่น 100% จากไร่ประภัฏสร หมูแปรรูป ปลานิลแดดเดียวไร้ก้าง น้ำพริกหลากรส ฯลฯ

     โซน F สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก บริเวณลานจอดรถติดกับทางเข้าหอประชุมใหญ่ มีเครื่องเล่นมากมาย อาทิเช่น ม้าหมุน สไลด์เดอร์ บ้านลม รถไฟฟ้าเด็ก ปาลูกโป่ง ปืนจุกน้ำปลา และซุ้มเกมส์ต่างๆ
     โซน G อู่ข้าวอู่น้ำ บริเวณสระพระพิรุณฝั่งแยกเกษตร จำนวน 124 ล็อค มีทั้งอาหารหวานคาวให้เลือกซื้อเลือกชิม อาทิ อาหารทะเลแปรรูป แคบหมูน้ำพริกหนุ่ม หอยจ้อ ลูกชิ้นปลาทูต้มเค็ม หอยทรงเครื่อง ข้าวหลาม ข้าวแต๋น ขนมไทย ผลไม้ ฯลฯ
     โซน H น้ำหนึ่งใจเดียว บริเวณสระพระพิรุณฝั่งศาลาหกเหลี่ยม จำนวน 78 ล็อค สินค้าอุปโภค อาทิ เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าจากผ้าไหม และผ้าฝ้าย ผ้าปาเต๊ะเกาะยอ กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเช่น สบู่ แชมพู ครีมบำรุงผิวฯลฯ
     โซน I อิ่มน้ำใจ
   รวบรวมอาหารหลากหลาย อร่อย สะอาดถูกหลักอนามัย โดยมีที่นั่งรับประทานมาบริการในงาน มีบริการทั้งหมด 4 จุดดังนี้
                        จุดที่ 1 บริเวณทางเข้าประตูเล็กสะพานลอยข้ามแยกเกษตร
                        จุดที่ 2 บริเวณด้านข้างหอประชุมฝั่งติดกับโซน D
                        จุดที่ 3 บริเวณทางเข้าโซนตลาดน้ำร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
                        จุดที่ 4 บริเวณลานพื้นที่บันไดท่าน้ำสระพระพิรุณฝั่งศาลาหกเหลี่ยม
     โซน J น้ำทิพย์ชโลมใจ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)  บริเวณด้านหลังหอประชุมใหญ่ ประกอบด้วย นิทรรศการโครงการเพื่อนพึ่ง   (ภาฯ) สร้างความมั่นคงทางอาชีพแก่ผู้เสี่ยงอุทกภัย นิทรรศการผลพลอยของพอเพียงเป็นการแสดงนวัตกรรมการผลิตน้ำส้มควันไม้ที่มีคุณภาพสูง และถ่ายอนามัยซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกิจกรรมเกษตรออร์แกนิค ตลาดเกษตรอินทรีย์ พืชผัก ไม้ไม้ออร์แกนิค และสินค้าจากร้านเพื่อนพึ่ง (ภาฯ เช่น เสื้อ กระเป๋า งานฝีมือ decoupage ในราคาพิเศษ นอกจากนี้ทางมูลนิธิยังมีการแสดงแปลงสาธิตเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การเลี้ยงไก่ ปลาดุกอินทรีย์ การทำสิ่งของอุปโภคใช้เองในครัวเรือนเพื่อลดรายจ่าย
     สำหรับนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ทั้งในครัวเรือนและในชุมชนเน้นการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง เช่น เครื่องแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงพลังงานและปุ๋ย เครื่องปอกฝรั่ง แก่นตะวันพืชเพื่อสุขภาพ เครื่องสีข้าวชุมชน เครื่องสีข้าวขนาดจิ๋ว น้ำหนักเพียง 15 กิโลกรัม เตาหุงต้ม (KU Green Stove) และถ่ายอนามัยที่ปราศจากสารก่อเกิดมะเร็ง ให้ความร้อนสูง แทบไม่มีเขม่าควัน จุดติดง่าย มีขี้เถ้าน้อย เพื่อให้ได้ถ่านไม้สะอาดคุณภาพสูงและมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ และเวทีการแสดง

     Hi-light ของการจัดงาน โซน E ตลาดน้ำร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ  ตลาดน้ำและตลาดโบราณที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น วิถีชีวิตแบบไทย จัดอยู่บริเวณสระน้ำด้านหลังหอประชุมใหญ่และหอนาฬิกา จำนวน ๘ ตลาดน้ำ พบกับสินค้าขึ้นชื่อประจำตลาดน้ำให้เลือกซื้อมากมายทั้งอุปโภคและบริโภค จากตลาดน้ำชื่อดัง อาทิ หมี่กรอบ ขนมจีน หมูสะเต๊ะจากตลาดน้ำตลิ่งชัน ซาลาเป๋าจิ๋ว ลูกชิ้นดอนเมืองจากตลาดน้ำวัดสะพาน ก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด ทอดมันหน่อกะลาจากตลาดน้ำคลองลัดมะยม ปลาน้ำจืดแปรรูปและของดีเมืองสุพรรณจากตลาดร้อยปีสามชุก อาหารหวานคาวจากตลาดน้ำมหานคร ขนมและของเล่นย้อนยุคจากตลาดน้ำบางคูลัด และ ขนมเปี๊ยะครูสมทรงจากตลาดน้ำลำพญา เป็นต้น

     ซึ่งในครั้งนี้จะมีการจัดประกวดตลาดน้ำเพื่อเป็นการส่งเสริมสังคมและเศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณภาพสิ่งแวดล้อม
     สำหรับทางมูลนิธิฯจะมีผลิตภัณฑ์ในพระดำริและผลิตภัณฑ์ผลพลอยพอเพียงที่ได้จากผลพลอยได้ของการเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียง มาจำหน่าย อีกทั้งยังมีผลิตผลการเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ ผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปมาจำหน่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำข้าว Rice berry เกษตรอินทรีย์มาแปรรูปเป็นขนมปังและ bakery ชนิดต่าง ๆ มาแสดงและจำหน่ายด้วย